ผมเชื่อว่า Facebook เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่หลายๆ ธุรกิจใช้ในการโปรโมทตัวเอง รวมไปถึงร้านอาหารด้วยที่ทุกร้านเดี๋ยวนี้ก็เริ่มเปิดเพจ มีเพจเป็นของตัวเองแล้ว แต่สงสัยมั้ยครับว่าทำไมเปิดเพจก็แล้ว ทำคอนเทนต์ก็แล้ว ยิง Ads ให้คนเห็นเยอะๆ ก็แล้ว ทำไมถึงยังไม่เห็นผลดีเท่าที่ควรจะเป็น
.
นั่นเป็นเพราะเราอาจจะมองข้ามขั้นไปซักหน่อย ลืมให้ความสำคัญกับพื้นฐานในการใช้งานมัน วันนี้ผมจะมาแชร์ 5 สิ่งที่หลายธุรกิจมักลืมทำบน Facebook Page ดังนี้เลยครับ
1. ไม่มีปุ่มCalltoAction
.
เป็นปุ่มที่ทำให้เกิดการกระทำ ไอปุ่มฟ้าๆ น้ำเงินๆ อยู่ตรงข้างล่างรูป Cover ของเพจเราครับ ตรงนี้แหละที่หลายๆ คนลืมใส่ สิ่งที่เราควรทำคือใส่สิ่งที่เราต้องการให้ลูกค้าทำลงไป ปกติเราอยากให้ลูกค้าเขามาเจอเราแล้วทำอะไรเป็นอย่างแรก เช่นถ้าช่วงนั้นคุณเน้น Delivery เราควรใส่ลิงก์ให้ Add Line แล้วสั่งได้เลย หรือกดแล้วโทรได้เลย อันนี้ขึ้นอยู่กับเรา เชื่อมั้ยครับว่าตรงนี้แทบจะเป็นแหล่งหลักเลย ในการที่เราจะได้ลูกค้ามาเข้าร้านเรา
.
ร้านไหนที่ไม่ได้ใส่ ส่วนใหญ่ Facebook มันจะเลือกให้ไป Messenger ซึ่งหลายๆ ครั้งพอเราไม่มีคนช่วยตอบ มันก็เท่ากับว่าเราทำให้ลูกค้ามีประสบการณ์แย่ๆ กับร้านเรา ไม่ตอบงี้เปิดเพจทำไมก่อน บางเคสอาจนึกว่าร้านเจ๊งแล้วก็มีนะครับ ดังนั้นลองกลับไปดูเพจของร้านตัวเองดูนะครับว่ามีในส่วนนี้รึยัง
.
2. ไม่ได้ปักหมุดร้าน
.
เพราะการปักหมุดทำให้ลูกค้าสามารถไปที่ร้านเราได้ถูกต้องและง่ายมากขึ้น เขาเห็นแผนที่ก็จะรู้สึกอุ่นใจหน่อยว่าร้านมีตัวตนอยู่ตรงนั้น อีกสิ่งนึงที่เราควรทำคือใส่ที่อยู่ลงไปด้วย เอาให้ถูกต้องด้วยนะ เผื่อในกรณีที่ลูกค้ามีปัญหาจากตัวแอปฯ ต่างๆ เขายังสามารถเอาตรงนี้ไปเสิร์ชได้
.
นอกจากนั้น อันนี้เป็นสิ่งที่หลายคนยังไม่รู้ว่าเราสามารถปักหมุดได้หลายสาขาในเพจเดียวได้ ดังนั้นถ้าเรามีหลายสาขาแทนที่คิดว่าจะเปิดเพจแยกเป็นสาขา ก็มาปักหมุดร้านในเพจเดียวดีกว่า ระบบของ Facebook จะช่วยเลือกสาขาที่อยู่ใกล้ลูกค้าที่สุดอัตโนมัติอยู่แล้ว
.
3. ไม่ใส่AboutSection
.
About Section หรือ ข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจ ซึ่งข้างในหลักๆ ก็คือนอกจากกรอก Location ได้แล้ว เรายังสามารถกรอกเบอร์โทรและเวลาเปิด-ปิดได้ด้วย การกรองตรงนี้ไว้มันจะมีประโยชน์ตรงที่ว่าเวลาลูกค้าเขาอยากมาหาเรา เขาจะได้รู้ว่าตอนนี้เราเปิดหรือปิดร้านอยู่
.
ถ้าเกิดเราใส่ปิดร้านไว้ เวลาลูกค้าเสิร์ชหาเราในช่วงเวลานั้นเนี่ย จะเจอได้น้อยลงหรือไม่เจอเลย มันมีประโยชน์กับร้านตรงที่ว่า จะไม่เกิด Fail Experience มาร้านแล้วแบบทำไมร้านปิด ทำให้ลูกค้าเกิดความผิดหวังและประสบการณ์แย่ๆ แล้ว 1
.
และถ้าเป็นไปได้อยากให้ทุกคนกรอกให้ครบทุกหัวข้อที่เขาให้กรอก เพราะทุกอย่างที่กรอกเข้าไปนั้น Facebook ถือว่าเป็นข้อมูลพื้นฐานที่ทำให้ธุรกิจมีความน่าเชื่อถือและมีตัวตนที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ยิ่งกรอกครบคะแนนยิ่งสูง คะแนนสูงขึ้นผลที่ตามมาคือคอนเทนต์ของเพจเราจะไปโผล่ในหลายๆ ที่มากขึ้น Reach มากขึ้น .
.
4. ลืมเปิดRecommendation หรือ ReviewSection
.
คือการเปิดให้ลูกค้าสามารถที่จะรีวิวลงเพจได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจร้านอาหารที่เรื่องของการรีวิวเป็นส่วนสำคัญอย่างหนึ่ง การที่เรามีรีวิวเพิ่มขึ้นมันก็ทำให้คนมีโอกาสเจอเราได้มากยิ่งขึ้น เมื่อลูกค้าใหม่เห็นว่าหน้าร้านดี รีวิวดี คะแนนดีก็เกิด Possive โอกาสที่เข้าจะมาหาเราก็เพิ่มมากขึ้นด้วย
.
เราสามารถเข้าไปเปิดได้ที่ตรง Page Setting เปิดเสร็จแล้วเราสามารถเข้าไป Print ตัว QRcode แล้วเอาไปแปะตามโต๊ะได้เลย ให้ลูกค้าสามารถแสกนเพื่อมารีวิวมากดไลค์เพจของเราได้
.
หลายคนอาจจะกังวลว่าถ้าลูกค้าไปพอใจเขาก็สามารถรีวิวลงไปได้เหมือนกัน จะทำยังไงดีละ อันนี้จริงๆ เราอาจจะเปลี่ยนเอา QRcode ไปไว้ตอนช่วง Cashier ก็ได้ ถ้าเห็นลูกค้าที่ดูพึงพอใจก็ให้เขาช่วยรีวิวให้ อันนี้ก็เป็นทริคที่ลอกเอาไปใช้ดูได้ครับ
.
5. ความเร็วในการตอบ
.
ส่วนใหญ่เรามักให้ลูกน้องเป็นคนตอบใช่มั้ยครับ ซึ่งบางทีมันก็อาจมีช้าบ้าง ดีเลย์ไปบ้าง แต่เชื่อมั้ยครับว่าส่วนนี้คือแหล่งหลักของลูกค้าเราทั้งนั้นเลย Facebook ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากย ยิ่งตอบเร็วมากเท่าไหร่ Facebook ยิ่งให้คะแนนเพจเราดีเท่านั้น
.
ซึ่งเกณฑ์หลักๆ เลยคือถ้าเราสามารถตอบได้ใน 5 นาที เราจะได้คะแนน Max สุดเลย มันจะขึ้นเป็นตัวปุ่มสีเขียวๆ บนเพจ แสดงให้เห็นว่าเพจเราเป็นเพจที่ดีมากๆ Really Responsive และทำให้ Reach ของเพจเราดียิ่งขึ้น โอกาสที่คนจะมองเห็นเพจเรามากขึ้น
.
และนี่คือ 5 สิ่งที่หลายธุรกิจมักลืมทำบน Facebook Page ซึ่งส่งผลทำให้เพจมี Reach น้อยกว่าที่มันควรจะเป็นนั่นเอง ลองนำไปปรับใช้กับเพจของตัวเองดูครับ